กำเนิดโหราศาสตร์
โหราศาสตร์ มาจากไหน มีที่มาอย่างไร ใครคิดรูปแบบ แล้วทำไมต้องมาเป็นรูปนี้ วันนี้เรามาตีแผ่ให้ได้ทราบกันครับ
ที่มาของวิชาโหราศาสตร์
โหราศาสตร์นั้นแรกเริ่มมากจากประเทศอินเดียแล้วจึงค่อยเริ่มแผ่กระจายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน พม่าไทย ยุโรปและอื่นๆ แรกเริ่มเดิมทีนั้นมันมาจากศาสตร์ๆนึงที่เรียกกันว่า วาสตูศาสตร์ (Vasstu Shastra)
อย่าเพิ่งเบื่อเสียก่อน ตรงนี้น่าสนใจมาก วาสตูศาสตร์นั้นเป็นต้นกำเนิดของหลายๆศาสตร์ตามมาไม่ว่าจะเป็น โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์พม่า โหราศาสตร์แบบยูเรเนียน(หรือโหราศาสตร์สากล) ระบบทักษา หรือ ศาสตร์ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมที่สุดคือ ฮวงจุ้ย
วาสตูศาสตร์ได้แผ่ขยายเข้าไปในประเทศจีน และชาวจีนได้นำไปพัฒนาต่ออย่างมากและเรียกชื่อใหม่ว่า ฮวงจุ้ย (Feng Shui) จนคนเข้าใจไปเองว่าเป็นผู้ริเริ่ม และตอนนี้เป็นทียอมรับในระดับสากลไปเสียแล้ว
แต่น่าเสียดายที่โหราศาสตร์ไทยเป็นที่สงวนสำหรับชนชั้นสูง และเพิ่งจะปล่อยให้คนทั่วไปได้เรียนรู้ไม่นานนี้ จึงไม่ค่อยพัฒนาเท่าที่ควร
วาสตูศาสตร์คืออะไร
เรื่องเล่าของวาสตูศาสตร์คือ นานมาแล้วมี คอสมิกแมน (Cosmic Man) เป็นนักกิน ไปอยู่ที่ไหนก็กินตรงนั้น ดูดทุกสรรพสิ่งเข้าไปหายไปหมด ไม่ว่าดาวต่างๆ ดิน น้ำ ลม ไฟ และวัตถุทุกชนิดถูกกลืนหายไปหมดสิ้น เดือดร้อนถึงเหล่าทวยเทพทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพระอินทร์ พระพรหม พระศิวะและเทพองค์อื่นๆ ต้องรวมตัวกันจับคอสมิกแมนด้วยพลังแห่งเทพ และผนึกคอสมิกแมนไว้ แน่นอนคอสมิกแมนถูกผนึกบนโลกตามรูปข้างล่างนี้
ทวยเทพทั้งหลายได้แบ่งโลกออกเป็น 9 ส่วน (3 คูณ 3) โดยพระพรหมเป็นผู้ผนึกตรงกลาง พระศิวะผนึกส่วนหัว พระอัคนีผนึกส่วนตะวันออกเฉียงใต้ และเทพอื่นๆผนึกช่องที่เหลือ ตามรูป
เห็นไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดฮวงจุ้ยขึ้นนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้โลกเราจึงมีลักษณะตามนี้อย่างไม่น่าเชื่อเช่น ทวีปทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่อยู่ของพระอัคนี(ไฟ)ซึ่งหมายถึงอาหาร จึงเป็นแหล่งอาหารของโลกและอุดมสมบูรณ์มาก ประเทศที่อยู่ตรงกลางของโลกมักจะมีลมแรงและแห้งแล้ง ทวีปอเมริการใต้(ตะวันตกเฉียงใต้)เป็นแหล่งปั้มลูกนั่นเอง(พวกยาบำรุงเซ็กซ์มักปลูกดีที่นั่น)
ดังนั้นตามหลักฮวงจุ้ยตรงกลางบ้านควรจะให้ลมผ่านหรือเป็นที่โล่งๆ(เพราะเป็นที่อยู่ของพระพรหมธาตุลม) ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านควรเป็นครัว(ธาตุไฟ) และทิศตะวันตกเฉียงใต้ควรเป็นห้องนอนใหญ่สำหรับคู่บ่าวสาวใหม่เพราะเชื่อว่าเป็นตำแหน่งอวัยวะเพศของคอสมิกแมนพอดี(จะได้มีลูกง่ายๆว่างั้น) เป็นต้น
จริงๆรายละเอียดเรื่องนี้ศึกษากันเป็นเดือนเป็นปี จึงขอบอกคร่าวๆแค่นี่ก่อน
กลับมาที่โหราศาสตร์
ทีนี้จากวาสตูศาสตร์ที่คอสมิกแมนถูกผนึกด้านบนนั้นก็กลายเป็นทักษาที่ใช้ 9 ช่องแบบเดียวกันเป๊ะๆ
จะเห็นว่าตรงกลางเป็นเลข ๙ ซึ่งหมายถึงดาวเกตุซึ่งเป็นดาวอากาศธาตุ หรือธาตุลมของพระพรหมนั่นเอง
แล้วจากทักษา 9 ช่องก็พัฒนามาเป็น 12 ช่องตามจักราศีหรือตามที่มนุษย์โลกมองเห็นดาวบนท้องฟ้าเป็น 12 ราศีใหญ่ๆ นั่นเอง
บางคนจะเรียกดวงแบบนี้ว่าดวงอีแปะเพราะมีรูปลักษณ์คล้ายเหรียญอีแปะของจีน(อีกแระ)
หลังจากนี้ก็มีการพัฒนากันต่อมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
หวังว่าคงสนุกและได้ความรู้กันบ้างนะครับ ตอนหน้าเรามาดูกันว่าโหราศาสตร์ทำงานอย่าไร ทำไมแม่นยำนัก แล้วเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน แล้วเราจะสามารถดูดวงให้ตัวเองได้บ้างหรือไม่